Search This Blog / The Web ค้นหาบล็อกนี้ / เว็บ

Sunday, October 5, 2014

ทีมวิจัยเยอรมันยืนยัน “ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง”


ทีมวิจัยเยอรมันยืนยัน “ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง” 







 ทีมวิจัยเยอรมันยืนยัน ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง


ทีมนักจิตวิทยาและแพทย์ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเบอร์ลิน (Technische Universität of Berlin)   ได้ประกาศเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2014 ที่ผ่านมาว่าได้ทำการพิสูจน์เรื่องการคงอยู่ของชีวิตหลังความตาย ด้วยวิธีการ ทดลองทางคลินิกแล้วผลการทดลองอิงจากพื้นฐาน

ข้อสรุปของการศึกษาที่ใช้ประสบการณ์การเฉียดความตาย ในทางการแพทย์ที่ได้รับออกแบบให้เหมาะสมกับการทดลอง โดยทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตตามหลักการแพทย์ไปเป็นระยะเวลานาน 20 นาที ก่อนจะกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

ขั้นตอนการวิจัยนี้ถูกทดลองซ้ำกับอาสาสมัครจำนวน 944 คน ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา มีการใช้สารผสมของยาบางชนิด เช่นเอปิเนฟริน ไดเมทธิลทริปตามีน ที่ช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเสียชีวิตและคืนชีวิตอีกครั้งโดยไม่เป็นอันตราย ต่อร่างกาย

โดยร่างกายของผู้ถูกทดสอบจะอยู่ในสภาพโคม่าชั่วคราวจากการใช้ยาผสมสารเคมี บางชนิดและจะได้รับการกรองออกจากเลือดด้วยโอโซนในขั้นตอนการคืนชีวิต หลังจากนั้น 18 นาที  

ระยะเวลาการทดลองที่ยาวนานนั้นเพิ่งจะสามารถทำได้จากการพัฒนาเครื่องปั๊ม หัวใจรุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า AutoPulse  อุปกรณ์นี้มักจะใช้ในการกู้ชีพผู้ที่เสียชีวิตระหว่าง 40 นาทีถึง 1 ชั่วโมง


ในอดีต ประสบการณ์การเฉียดความตายได้รับการตั้งสมมติฐานมากมายในวารสารทางการแพทย์

โดยเชื่อว่าเป็นลักษณะของภาพหลอน แต่ ดร. อัคเกอร์มันน์และทีมวิจัยกลับเห็นว่านั่นคือหลักฐานของการคงอยู่ระหว่างชีวิตหลังความตายและอยู่ในลักษณะของสองสิ่งแยกออกจากกัน คือ ร่างกายและจิตวิญญาณ

ทีมนักวิทยาศาสตร์นำโดย ดร. เบิร์ธโฮลด์ อัคเกอร์มันน์ ได้สังเกตการณ์ปฏิบัติการทดลองและรวบรวมหลักฐานจากปากของผู้รับการทดสอบ

 ผลที่ออกมาของแต่ละคนมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ผู้รับการทดสอบทุกคนยังมีความทรงจำในช่วงเวลาที่พวกเขาได้เสียชีวิตในทางคลินิกหลงเหลืออยู่ และผู้รับการทดสอบส่วนใหญ่บรรยายถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกัน

ความทรงจำที่คล้ายกันของผู้ทดสอบ ได้แก่ ความรู้สึกว่าได้หลุดออกจากร่าง ความรู้สึกล่องลอย ปลอดโปร่ง ปลอดภัย อบอุ่น สัมผัสถึงการสลายตัว และมีแสงปกคลุมอยู่ไปทั่ว

ทีมนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าพวกเขาทราบดีอยู่แล้วว่าการประกาศผลสรุปของงาน วิจัยชิ้นนี้อาจจะทำให้ผู้คนต้องตกละลึง

 โดยความเชื่อทางศาสนาของผู้รับการทดสอบไม่ได้มีผลต่อการวิจัยเลยแม้แต่น้อย โดยผู้เข้ารับการทดสอบนั้นมีผู้คนจากหลากหลายศาสนา เช่น
 คริสเตียน มุสลิม ยิว ฮินดู และแม้แต่ผู้ที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า หรือคนไร้ศาสนา
 แต่สิ่งที่พวกเขาบรรยายถึงความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้สัมผัสนั้นไม่แตกต่างกันเลย

ผมเองทราบดีว่าผลการวิจัยครั้งนี้อาจจะกระทบกับความเชื่อของผู้คนมากมาย ดร. อัคเกอร์แมนกล่าว

แต่ กระนั้น เราก็ได้ทำการหาคำตอบให้กับหนึ่งในคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ ผมหวังว่าคนเหล่านั้นจะให้อภัยพวกเรา
นี่คือความจริง ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริงและลักษณะก็คงประมาณผลการทดสอบนี้ แน่นอนว่าทุกคนมีชีวิตหลังความตายเหมือนกันหมด













ทีมนักวิจัยรัสเซียถอดจิตค้นพบที่อยู่ของกายทิพย์หลังความตาย

ทีมนักวิจัยรัสเซียค้นพบที่อยู่ของกายทิพย์หลังความตาย







ทีมนักวิทยาศาสตร์หนึ่งในโครงการลับของรัสเซีย เผย งานวิจัยไขปริศนา หาดินแดนปรภพโดยการถอดจิต ชี้ ดาวเอ็มโอเอ-192 บี เป็นที่อยู่ของกายทิพย์ !

วันนี้ (1 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชาวโปแลนด์ เบอร์นาร์ด ชิมลิตต์ แห่งสถาบันเฟิร์สต์ สเปซ ไซน์ โพลีเทคนิค แห่งกรุงกลาสโกว์ เผยว่า จากการเฝ้าสังเกตการณ์และตรวจชั้นบรรยากาศอย่างละเอียด จนเกิดความมั่นใจว่าดวงดาว เอ็มโอเอ-192 บี (MOA-192 b)


ซึ่งตั้งอยู่ใน กลุ่ม ดาวแคปริคอน (ม้ามีหัวเป็นคน ราศีที่ 9 จาก 12 ราศี) ซึ่งอยู่ห่างจากดาวโลก ราว 3,000 ปีแสง คือแดนสวรรค์ที่สิงสถิตของดวงวิญญาณ หรือที่ชาวพุทธเรียกกันว่า 

ดินแดน "ปรภพ" ทั้งนี้ นักดาราศาสตร์คนดังกล่าว นำข้อมูลที่เก็บมาได้โดยเฉพาะข้อมูลชั้นบรรยากาศ บอกให้รู้ถึงร่องรอยสิ่งมีชีวิต อาศัยอยู่บนดาวดวงนั้น 2 กรณี

 1. มีการตรวจพบสัญลักษณ์พลังงานไฟฟ้าระดับต่ำ ซึ่งเป็นไปได้ว่าไฟฟ้าเกิดจากพายุฟ้าคะนอง หรือเกิดจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า


 2. มีการตรวจพบดินแดนที่คล้ายเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่มี รูปแบบต่างไปจากมนุษย์ บริเวณขั้วโลกเหนือ ของดวงดาว MUA-192 b


ชั้นบรรยากาศดวงดาวแห่งนี้ แตกต่างไปจากชั้นบรรยากาศของโลก สิ่งที่น่าตระหนก เราพบว่ามีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดขึ้นในปริมาณสูงพอๆกับไอน้ำที่ระเหยขึ้นมาในชั้นบรรยากาศ ซึ่งทั้ง 2 ประการนี้ ล้วนเป็นร่องรอย ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง


นับเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์ ที่ได้พบ ร่องรอยว่าดาวเอ็มโอเอ-192 บี อาจเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิต ที่มีอารยธรรมสูง

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนา อธิบายว่าสิ่งมีชีวิตดังกล่าว หากเป็นดวงวิญญาณ ย่อมมีลักษณะเป็นกายทิพย์ (ขณะมีชีวิตอยู่บนโลก กายทิพย์อาศัยอยู่ใน กายหยาบ) ซึ่งนับตั้งแต่การเริ่มต้นศึกษาวิจัยกลุ่มดาวที่อยู่ห่างจากโลก 3,000 ปีแสง เมื่อหลายปีก่อน

 ทีมงานนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ เบอร์นาร์ด ชิมมิตต์ พบว่ามีกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งมีชั้นบรรยากาศแตกต่างไปจากโลกโดยสิ้นเชิง นับแต่นั้นมา จึงได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ทางไกลแรงสูง คอยติดตามความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด

จากนั้น ได้ประสานงานกับโครงการพลังโทรจิต ที่ยูเครน (เดิมเป็นสหภาพหนึ่งของรัสเซีย ปัจจุบันแยกตัวเป็นอิสระ) ซึ่งรัฐบาลสหภาพรัสเซีย ตั้งโครงการขึ้นในยุคสงครามเย็น ซึ่งโครงการลับสุดยอดพลังโทรจิตทางไกลนี้ ตั้งขึ้นบนข้อสมมติฐานว่า


 เมื่อคนเราฝึกฝนทางจิตจนแก่กล้า จนสามารถถอดดวงจิตออกจากร่างกายได้แล้ว ก็สามารถท่องจักรวาลไป ที่ไหนก็ได้โดยมีความเร็วเหนือกว่าความเร็วของแสง

ขณะเดียวกัน โครงการนี้มีหน่วยงานข่าวกรองรัสเซีย หรือ เคจีบี เป็นเจ้าภาพ 

โดยรับคัดเลือกผู้มีพลังจิตสูงมาแต่กำเนิดมาฝึกเพิ่ม ต่อมา ได้สร้างผลงานดีเด่น เมื่อครั้งเครื่องบินรบ มิก.29 ฟอกซ์ แบท ของรัสเซียตกที่โคลัมเบียทั้งเคจีบี และ ซีไอเอ ต่างแย่งชิงเพื่อไปถึงซาก มิก.29 ก่อนอีกฝ่าย เนื่องจาก มิก.29 ในยุคนั้นคือ เครื่องบินโจมตีทิ้งระเบิดทรงอานุภาพที่สุด


โดย ซีไอเอ ได้พิกัดจากดาวเทียมจารกรรม แต่ เคจีบี ใช้นักพลังจิตตามโครงการโทรจิตทางไกล แผ่พลังจิตตามหาซากเครื่องบิน   ปรากฏว่าหน่วยข่าวกรองรัสเซียไปถึงซากเครื่องบินก่อน ขณะที่ฝ่ายสหรัฐรู้ว่า ตกอยู่ในหุบเขา แต่ไม่อาจเจาะจงได้ว่าเป็นจุดใด 


หลังจากรัสเซียประสบความสำเร็จจากโครงการนี้ รัฐบาลสหรัฐ โดย ซีไอเอ ก็ได้ตั้งแผนงานโทรจิตทางไกล ขึ้นมาเช่นกัน  แต่พัฒนาได้ไม่ทันรัสเซีย เมื่อนักวิทยาศาสตร์โปแลนด์ ประสานงานไปยังรัฐบาลยูเครน ขอตัวนัก พลังจิตมาช่วย  เพื่อถอดดวงจิตเดินทางไปยังดวงดาว เอ็มโอเอ-192 บี 


ซึ่งมีวิธีส่งพลังจิตเดินทางไกล คือการ นั่งเข้าสมาธิให้พลังจิตเดินทางไปยังจุดหมาย ปลายทางที่กำหนด มาถึงขั้นนี้ ผู้รู้อธิบายว่า คือการทำวิปัสสนากรรมฐาน จนกระทั่งเกิดฌานชั้นสูงระดับอภิญญาฌาน ดวงจิตจึงถอดออกจากร่างได้  และดวงจิตที่ถูกถอดออกจากกายหยาบ 

 ที่เรียกว่า "กายทิพย์"  ซึ่งการเข้าฌานโดยนักพลังจิตยูเครน ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง แสดงว่าใช้เวลาไปกลับ ดวงดาวเอ็มโอเอ-192 บี เพียงชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น

แต่หากนักวิทยาศาสตร์โลกสามารถสร้าง ยานอวกาศมีความเร็วเท่าความเร็วของแสงได้ ยานลำนั้นใช้เวลาเดินทางถึง 3,000 ปี จึงจะเดินทางถึงดวงดาวเอ็มโอเอ-192 บี ได้ (ระยะทาง 1 ปีแสง = 10 ล้านกิโลเมตร)


นอกจากนี้ นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ เปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้ว่า ผลการส่งพลังจิต ได้พบกับถิ่นฐานของสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ ที่มีเคหะสถานบ้านเรือนเหมือนชาวโลก แต่สร้างในรูปทรงต่างกันโดยสิ้นเชิง 


ผู้ถอดดวงจิตยืนยันว่า เขาได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่มีใบหน้ารูปร่างเหมือนคนที่เขารู้จักด้วย ไม่ใช่แค่คนเดียวแต่จำได้หลายคน


จุดนี้ เป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้ โครงการวิจัยสามารถสรุปได้ว่า คนบางคนเมื่อตายไปแล้ว ดวงวิญญาณของพวกเขาได้เดินทางไปอยู่ที่นั่น และเพื่อความมั่นใจ ทางทีมวิจัยได้ให้ผู้ส่งพลังจิต อย่างน้อย 3 คน ตรวจสอบหลายครั้งจนมั่นใจว่าเขาจำได้ว่าคนที่เขาพบเห็นบนดาวเอ็มโอเอ-192 บี จริง ไม่ได้ผิดตัวแต่อย่างใด เบอร์นาร์ด เล่าว่า "ผู้ส่งพลังจิตยืนยันว่าเขาพบนักเต้นบัลเล่ต์ ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขาชื่นชอบมาก ขณะที่ เปิดการแสดงที่โรงละครกรุงมอสโคว์ ต่อมา นักบัลเล่ต์ผู้นี้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน ได้ไม่นาน


เขาได้ถอดจิตแล้วไปพบกันที่นั่น แต่ไม่มีการพูดคุยกับผู้ที่อยู่บนดาวเอ็มโอเอ-192 บี กับพลังจิตที่ส่งออกไปจากโลก  เพราะผู้ที่อยู่ที่นั่น มองไม่เห็นพลังจิต"

อย่างไรก็ตาม โครงการได้ทดลองนำภาพคนตายในช่วงเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ จำนวน 43 คน ให้นักพลังจิตดูว่าพบใครบ้างบนดาวดวงดังกล่าว ปรากฏว่านักพลังจิต 2 คน จำได้ 3 คน เป็นอีกข้อมูลยืนยันว่าดวงวิญญาณเดินทางด้วยความเร็วพอ ๆ กับพลังจิต ซึ่งนักพลังจิตที่ส่งพลังจิตไปสำรวจ ดวงดาวเอ็มโอเอ-192 บี

อธิบายว่า ไม่ได้มีความเหมือน กับแดนสวรรค์ ตามภาพวาดตามผนังโบสถ์ ไม่มีกลุ่มเมฆ ไม่มีนางฟ้า เทพ สวรรค์ หรือถนนปูลาดด้วยทองคำ


ด้าน ดร.เซอร์ไก อูซนิดอฟ ผู้อำนวยการ โครงการโทรจิตทางไกลแห่งยูเครน กล่าวว่า ภาพลักษณ์ดินแดนปรภพ เหมือนเมืองเล็ก ๆ อยู่ตามชนบท ไม่มีรถยนต์ ไม่มีเครื่องจักร ผู้คนอยู่อย่างสงบสุข ผู้อยู่ที่นั่นล้วนมีสุขภาพดี ปรากฏตัว เป็นอย่างไรก็อยู่เช่นนั้ตลอดไป ไม่มีความแก่เฒ่า

ไม่มีอาการเจ็บป่วย ไม่มีการต่อสู้ ไม่มีสงคราม ไม่มีเด็กเกิดใหม่ พบเห็นผู้คน หน้าใหม่เดินออกจากอาคารขนาดใหญ่ เหมือน ศูนย์รับส่ง เหมือนศูนย์กลางรอรับดวงวิญญาณ มาจุติที่นี่ ซึ่งบนโลกของเราอาจมีกลไกธรรมชาติที่ยังค้นหาไม่พบ ทำหน้าที่เป็นภาคส่งดวงวิญญาณไปยังดาวดาวต่างๆ ทั่วทั้งจักรวาล ไม่จำเพาะเจาะจงที่ดวงดาวเอ็มโอเอ-192 บี เท่านั้น

ขณะเดียวกัน นักวิจัยบางคน ได้เปิดเผยถึงทฤษฎีหนึ่ง ที่เป็นไปได้สูงเกี่ยวกับพลังชีวภาพ (bioenergy) ซึ่งในร่างกายคนทุกคนมีพลังงานนี้ปรากฏออกมาเมื่อคนกำลังจะตาย ทำหน้าที่เป็นแรงส่ง ดวงวิญญาณไปยังดวงดาวต่างๆ  และแรงส่งพลังชีวภาพจะ เลือกส่งดวงวิญญาณหรือกายทิพย์ไปยังดวงดาวใกล้หรือไกลโดยอาศัยเหตุปัจจัยใด


พระนักวิปัสสนา ผู้ได้ฌานมาบ้างแล้ว ต่างรู้ดีว่า ล้วนมีบาปบุญคุณโทษเป็นตัวกำหนดนั่นเอง